Ichimoku Kinko Hyo หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Ichimoku Cloud" เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้นักเทรดมองเห็นแนวโน้ม สัญญาณการกลับตัว และจุดแนวรับ-แนวต้านในกราฟเดียว Ichimoku ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักข่าวชาวญี่ปุ่นชื่อ Goichi Hosoda ในปี 1960 โดย "Ichimoku" แปลว่า "มองเห็นภาพทั้งหมดในครั้งเดียว" ทำให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

Ichimoku Cloud ประกอบด้วย 5 เส้นหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้ม:

• Tenkan-sen (Conversion Line): เป็นค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 9 วันที่ผ่านมา ใช้ในการบ่งบอกแนวโน้มระยะสั้น
• Kijun-sen (Base Line): เป็นค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 26 วันที่ผ่านมา ใช้ในการบ่งบอกแนวโน้มระยะกลาง
• Senkou Span A (Leading Span A): เป็นเส้นที่คำนวณจากค่าเฉลี่ยของ Tenkan-sen และ Kijun-sen ถูกเลื่อนไปข้างหน้า 26 วัน
• Senkou Span B (Leading Span B): เป็นค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 52 วันที่ผ่านมา ถูกเลื่อนไปข้างหน้า 26 วัน
• Chikou Span (Lagging Span): เป็นราคาปิดที่เลื่อนไปข้างหลัง 26 วัน ใช้ในการยืนยันแนวโน้ม

การตีความ Ichimoku Cloud สามารถทำได้โดยพิจารณาจากตำแหน่งของเส้นและเมฆ:

• ตลาดขาขึ้น: หากราคาอยู่เหนือเมฆ Senkou Span A และ B ถือว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น
• ตลาดขาลง: หากราคาอยู่ต่ำกว่าเมฆ Senkou Span A และ B ถือว่าเป็นแนวโน้มขาลง
• แนวรับและแนวต้าน: ขอบของเมฆทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านในตลาด

นักเทรดสามารถใช้ Ichimoku Cloud เพื่อหาจุดเข้าและออกจากตลาดได้ ตัวอย่างเช่น:

• เมื่อราคาอยู่เหนือเมฆและ Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen ถือเป็นสัญญาณซื้อ
• เมื่อราคาอยู่ต่ำกว่าเมฆและ Tenkan-sen ตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen ถือเป็นสัญญาณขาย

Ichimoku Cloud มีข้อดีและข้อเสียที่นักเทรดควรพิจารณา:

• ข้อดี: Ichimoku Cloud ช่วยให้นักเทรดมองเห็นแนวโน้มและจุดกลับตัวได้อย่างชัดเจนในกราฟเดียว
• ข้อเสีย: เนื่องจากมีหลายเส้น จึงอาจทำให้กราฟดูซับซ้อนสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งาน

Ichimoku Cloud เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มและหาจุดเข้าออกในตลาด นักเทรดสามารถใช้เส้นต่าง ๆ ใน Ichimoku เพื่อระบุแนวรับ แนวต้าน และสัญญาณซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนและความเข้าใจในอินดิเคเตอร์นี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ