การเทรดด้วย Divergence เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นักเทรดใช้เพื่อตรวจสอบสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม Divergence เกิดขึ้นเมื่อมีความแตกต่างระหว่างกราฟราคาและอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น RSI, MACD หรือ Stochastic ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงซื้อหรือแรงขายในตลาด

Divergence มีสองประเภทหลักที่นักเทรดมักใช้ในการวิเคราะห์:

• Regular Divergence (Divergence ปกติ): เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงใหม่หรือต่ำใหม่ แต่อินดิเคเตอร์ไม่สามารถยืนยันได้ โดยปกติใช้ในการหาสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม
• Hidden Divergence (Divergence ซ่อนเร้น): เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำหรือจุดสูงที่ไม่ชัดเจน แต่อินดิเคเตอร์สามารถยืนยันแนวโน้มต่อไปได้ ใช้ในการยืนยันแนวโน้มปัจจุบัน

Regular Divergence เป็นการบ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น:

• สัญญาณซื้อ: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำใหม่ (Lower Low) แต่อินดิเคเตอร์ทำจุดต่ำสูงกว่า (Higher Low) ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดอาจจะกลับตัวขึ้น
• สัญญาณขาย: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงใหม่ (Higher High) แต่อินดิเคเตอร์ทำจุดสูงต่ำกว่า (Lower High) ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดอาจจะกลับตัวลง

Hidden Divergence เป็นการยืนยันแนวโน้มปัจจุบัน โดยนักเทรดสามารถใช้เพื่อตรวจสอบการต่อเนื่องของแนวโน้ม:

• สัญญาณซื้อ: เมื่อราคาทำจุดต่ำที่สูงขึ้น (Higher Low) แต่อินดิเคเตอร์ทำจุดต่ำที่ต่ำลง (Lower Low) ซึ่งยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
• สัญญาณขาย: เมื่อราคาทำจุดสูงที่ต่ำลง (Lower High) แต่อินดิเคเตอร์ทำจุดสูงที่สูงขึ้น (Higher High) ซึ่งยืนยันแนวโน้มขาลง

นักเทรดมักใช้ Divergence ร่วมกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น:

• MACD (Moving Average Convergence Divergence): ใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
• RSI (Relative Strength Index): ใช้ในการบ่งบอกภาวะ Overbought หรือ Oversold
• Stochastic Oscillator: ใช้ในการยืนยันการกลับตัวของราคา

การเทรดด้วย Divergence มีข้อดีและข้อเสียที่นักเทรดควรพิจารณา:

• ข้อดี: Divergence ช่วยในการระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
• ข้อเสีย: Divergence อาจให้สัญญาณลวงในตลาดที่มีความผันผวนสูง จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์อื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ

การเทรดด้วย Divergence เป็นวิธีการที่นักเทรดสามารถใช้ในการระบุสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มและยืนยันแนวโน้มปัจจุบัน โดยการใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ เช่น MACD หรือ RSI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ควรใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยง