สเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) เป็นต้นทุนพื้นฐานที่นักเทรดต้องจ่ายเมื่อทำการเปิดสถานะในตลาดฟอเร็กซ์ โดยสเปรดนี้มักจะแสดงเป็นจำนวน "จุด" (Pips) ในคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขาย
สเปรดสามารถเป็นได้ทั้งคงที่และลอยตัว:
ค่าคอมมิชชั่นคือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บสำหรับการเปิดและปิดการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบัญชี ECN ซึ่งมีสเปรดต่ำกว่าแต่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่นสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะคิดค่าคอมมิชชั่นตามจำนวนลอต (Lots) ที่นักเทรดทำการเทรด ตัวอย่างเช่น ค่าคอมมิชชั่น 5 ดอลลาร์ต่อ 1 ลอต หมายถึงนักเทรดจะจ่าย 5 ดอลลาร์สำหรับทุก 100,000 หน่วยของสกุลเงินที่ทำการเทรด
ดอกเบี้ยข้ามคืน หรือที่เรียกว่าค่า Swap คือดอกเบี้ยที่จ่ายหรือได้รับเมื่อนักเทรดถือสถานะค้างคืน ซึ่งคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยของสองสกุลเงินที่ทำการเทรดกัน
ถ้านักเทรดถือสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่ขาย นักเทรดจะได้รับดอกเบี้ยในทุกๆ วันที่ถือสถานะ
ถ้านักเทรดถือสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสกุลเงินที่ซื้อ นักเทรดจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวันจนกว่าจะปิดสถานะ
ต้นทุนแฝงรวมถึงค่าธรรมเนียมและต้นทุนอื่น ๆ ที่นักเทรดอาจไม่เห็นชัดเจน เช่น ค่า Slippage ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตลาดมีความผันผวนสูงและราคาที่เปิดหรือปิดสถานะไม่ตรงกับที่นักเทรดต้องการ
Slippage คือส่วนต่างระหว่างราคาที่คาดว่าจะซื้อขายและราคาจริงที่ทำการซื้อขาย ซึ่งมักเกิดขึ้นในตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ
การ Requote เกิดขึ้นเมื่อราคาในตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนโบรกเกอร์ไม่สามารถทำการซื้อขายในราคาที่ต้องการได้ โบรกเกอร์จะเสนอราคาใหม่ให้นักเทรด ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าและผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อการเทรด
แพลตฟอร์มบางแห่งอาจมีค่าบริการเพิ่มเติม เช่น ค่าบริการ VPS สำหรับการเทรดอัตโนมัติ และค่าธรรมเนียมการใช้ข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ นักเทรดควรพิจารณาต้นทุนเหล่านี้เมื่อเลือกใช้แพลตฟอร์ม
นักเทรดสามารถลดต้นทุนการเทรดได้หลายวิธี เช่น:
ต้นทุนการเทรดฟอเร็กซ์มีหลายรูปแบบ รวมถึงสเปรด ค่าคอมมิชชั่น ดอกเบี้ยข้ามคืน และต้นทุนแฝงอื่น ๆ นักเทรดควรทำความเข้าใจต้นทุนเหล่านี้เพื่อเลือกใช้กลยุทธ์ที่ลดต้นทุนและเพิ่มกำไรในการเทรด